ทุกๆ ท่านที่มีทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์เคยประสบพบกับปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของ “ยางรถ” กันบ้างมั้ยครับ เพราะเจ้ายางรถถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้รถขับขี่ได้อ่ยางดีและปลอดภัยเลยหล่ะ ซึ่งการดูแลยางรถก็จะมีหลากหลายหัวข้อที่แตกต่างกันออกไปนั้นเองครับ แต่ในบทความนี้จะมาแนะนำเกี่ยวกับ “ค่าลมของยางรถยนต์และมอเตอร์ไซด์ต้องเป็นเท่าไหร่?” พร้อมกับทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลยางรถกันครับ จะมีข้อมูลแบบไหนบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม
ทำความรู้จักกับ “ยางล้อรถ”
ยางล้อรถ คือ ชิ้นส่วนที่ประกอบเป็นล้อของรถยนต์หรือล้อของรถประเภทต่าง ๆ ยางรถยนต์มีสีดำ รูปร่างกลมมีรูตรงกลาง เป็นวงแหวน ภายในกลวงบรรจุอากาศที่มีความดันสูง หรือ ก๊าซไนโตรเจนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย หรือ ยางในรถยนต์สำหรับรับน้ำหนักบรรทุกมาก ยางรถยนต์มีหน้าที่ต้องรับน้ำหนักรถและสัมภาระต่าง ๆ โดยเป็นเพียงส่วนเดียวของรถยนต์ที่สัมผัสพื้นถนน
สิ่งสำคัญของการเติมลมยางรถยนต์ คือ ควรเติมลมยางตามแรงดันที่แนะนำของรถแต่ละประเภท เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการควบคุมรถ การเบรก ไปจนถึงน้ำมันรถ และหากคุณบรรทุกคนหรือของที่มากขึ้น อาจจะต้องเพิ่มแรงดันลมยางเพื่อชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั้นด้วยเช่นกัน แนะนำให้สอบถามจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเพื่อความสบายใจในการขับขี่
ค่าลมยางสำหรับรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์
●รถมอเตอร์ไซด์ ควรเติมลมยางประมาณ 25-30 PSI.
●รถยนต์ขนาดเล็ก ควรเติมลมยางประมาณ 25-30 PSI.
●รถยนต์ขนาดกลาง ควรเติมลมยางประมาณ 30-35 PSI.
●รถกระบะ (ไม่บรรทุก) ควรเติมลมยางประมาณ 35-40 PSI.
●รถตู้ (บรรทุก 7-10 คน) ควรเติมลมยางประมาณ 43-55 PSI.
วิธีการดูแลยางรถยนต์
●พยายามตรวจเช็คความดันลมยางอยู่เสมอ เพราะควรตรวจเช็คลมยาง อย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง หรือก่อนออกเดินทางไกล ให้อยู่ในระดับเหมาะสมตามที่กำหนด ควรเช็คตอนที่ยางไม่ร้อน เพื่อให้ได้ค่าแรงดันลมยางที่แท้จริง หากมีแรงดันลมยางมากเกินไป จะทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนน้อยลง หรือหากมีแรงดันลมยางน้อยเกินไป จะทำให้เกิดแรงเสียดทาน และทำให้รถยนต์กินน้ำมันมากขึ้นอีกด้วย
●เปลี่ยนยางรถยนต์ ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ทุก ๆ 10,000 ถึง 12,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน โดยส่วนใหญ่ ยางล้อหน้าจะสึกหรอเร็วกว่าล้อหลัง การสลับตำแหน่งจะช่วยให้ยางสึกหรอเท่ากันทั้งชุด และทำให้ยางสามารถใช้งานได้นานขึ้น ควมคุมรถได้ง่ายขึ้น
●การตั้งศูนย์ล้อ คือ การปรับหน้าล้อให้มีความสัมพันธ์กันทุกมุม เพื่อให้รถวิ่งได้ตรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากรถตั้งศูนย์ไม่ดี จะสังเกตได้ง่าย ๆ คือ เมื่อรถวิ่งทางตรง ลองปล่อยมือจากพวงมาลัย (ด้วยความเร็วต่ำ) หากรถวิ่งเบี่ยงไปในทิศทางอื่น แสดงว่า ศูนย์ล้อไม่ตรง ส่งผลให้ดอกยางเกิดการสึกหรอไม่เท่ากัน
วิธีสังเกตดอกยางรถที่ควรหมั่นตรวจเพื่อความปลอดภัย
เพราะดอกยางรถยนต์มีคุณสมบัติในการช่วยรีดน้ำเวลาที่เราต้องขับรถบนถนนที่เปียกหรือมีน้ำขัง เพื่อช่วยให้ผิวหน้าของยางรถยนต์ยังเกาะถนนได้ปกติ แต่หากดอกยางเหลือน้อยก็มีโอกาสสูงที่รถจะเสียหลักลื่นไถลได้ โดยปกติดอกยางใหม่จะลึกประมาณ 8-9 มิลลิเมตร แต่ถ้าดอกยางเหลือไม่ถึง 3 มิลลิเมตรแล้ว ควรรีบเปลี่ยนยางรถยนต์ทันที หรือสังเกตุด้วยตาเปล่า โดยนำไม้ขีดไฟทิ่มลงไปในร่องยาง ถ้าเห็นหัวไม้ขีด แสดงว่าดอกยางบาง และเหลือน้อย เกินไป การขับขี่อาจทำให้เกิดอันตรายได้ ควรรีบเปลี่ยนยางใหม่ครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ค่าลมของยางรถยนต์และมอเตอร์ไซด์ต้องเป็นเท่าไหร่?” พร้อมกับข้อมูลเกี่ยวกับยางรถต่างๆ ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ คิดว่าน่าจะช่วยให้เข้าใจและระมัดระวังกันมากขึ้นครับ